首页 理论教育 泰国东北部的火箭节:农田祈雨传统

泰国东北部的火箭节:农田祈雨传统

时间:2023-07-05 理论教育 版权反馈
【摘要】:火箭节是流行于泰国东北部的与农业生产相关的节日。泰国东北部地处呵叻高原,缺乏水源,过去的农业生产基本靠雨水维持,所以,每年都会有求雨的仪式,火箭节的目的就是为了向天神祈雨。火箭节的举办时间一般为宋干节后面第四个周末,举办的时间为两天,第一天为火箭游行队伍比赛,第二天为点燃火箭升高比赛。

泰国东北部的火箭节:农田祈雨传统

【节日导读】火箭节是流行于泰国东北部的与农业生产相关的节日。泰国东北部地处呵叻高原,缺乏水源,过去的农业生产基本靠雨水维持,所以,每年都会有求雨的仪式,火箭节的目的就是为了向天神祈雨。人们相信鬼神世界人类世界是同时存在的,人类世界受鬼神控制和庇佑,风、雨、雷、电等由天神掌控,如果要得到天神的保佑,人们就得祭拜天神,因为天神喜欢火焰,所以,人们就以放炮仗的形式来祭拜管理雨神的天神。另外,泰国东北部还流传着另一个与火箭节有关的民间传说,一次,佛祖不明缘由地将蟾蜍作为人类的祖先,并让它住在菩提树下,因而惹怒了管理雨神的天神,天神降罪于人类世界,连续三个月不下雨,人类和所有动物植物都陷入生命危险之中,人类和动物就聚集到菩提树下商议,一起去讨伐天神。龙王的军队、黄蜂军队曾先后讨伐天神的军队,但都失败了。最后,蟾蜍请愿领军讨伐天神,为了让所有的动物都能到天神的城池,蟾蜍的队伍加入了白蚁蜻蜓蜈蚣等,白蚁咬食天神的木质武器,蜻蜓和蜈蚣搬运用来做饭火烧天神士兵衣服的柴垛,蟾蜍制订好作战计划后所有动物各司其职,通力合作,最终打败了天神,并和天神约定:1.如果人们什么时候向天空发射火箭,就让天神派雨神降雨;2.如果听到青蛙或浮蛙的叫声就知道已经下雨了;3.如果听到汽笛声,就是告诉天神收割的季节到了,可以收雨水了。火箭类似于中国的炮仗,种类较多,大小不一,但都是用8—10米的竹竿做炮身,尾部用竹筒扎捆,里面装上火药,炮身上装饰着富有泰国特色的花纹,其中,龙形、蛇形、蟾蜍形的花纹居多。火箭节的举办时间一般为宋干节后面第四个周末,举办的时间为两天,第一天为火箭游行队伍比赛,第二天为点燃火箭升高比赛。

เทศกาลบุญบั้งไฟ

ประวัติความเป็นมาของบุญบั้งไฟ

ชาวบา้นเชื่อว่ามีโลกมนษุย ์โลกเทวดา และโลกเทวดามนุษยอ์ยู่ใตอ้ิทธิพลของเทวดา การาผีฟ้า เป็นตวัอย่างท่ีแสดงออกทางด้านการนบัถือเทวดา และเรียกเทวดาว่า“แถน” เมื่อถือว่ามีแถนก็ถือว่าฝน ฟ้า ลมเป็นอิทธิพลของแถน หากาให้แถนโปรดปรานมนุษย์ก็จะมีความสุข ดังนั้นจึงมีพิธีบูชาแถน การจุดบั้งไฟ ก็อาจเป็นอีกวิธีหนึ่งที่แสดงความเคารพหรือส่งสัญญาณความภักดีไปยังแถน ชาวอีสานานวนมากเชื่อว่าการจุดบั้งไฟเป็นการขอฝนจากพญาแถน และมีนิทานปรัมปราเช่นนี้อยู่ทั่วไปแต่ความเชื่อนี้ยังไม่พบหลักฐาน ที่แน่นอนนอกจากนี้ในวรรณกรรมอีสานยังมีความเชื่ออย่างหนึ่งคือ เรื่องพญาคันคากหรือคางคก พญาคันคากได้รบกับพญาแถนจนชนะแล้วให้พญาแถนบันดาลฝนลงมาตกยังโลกมนุษย์

ภาพที่ ๑พญาคันคาก าเภอเมือง จังหวัดยโสธร

ความหมายของบั้งไฟ

บ้ังไฟาว่าในภาษาถ่ินอีสานมักจะสับสนกับาว่าบ้องไฟนั้นดงัท่ี เจริญชยั ดงไพโรจน ์ไดอ้ธิบายความแตกต่าง”ควรเรียกว่าบ้ังไฟของาทงั้สองไวว้่า บงั้หมายถึง สิ่งที่เป็นกระบอกเช่น บงั้ทิง าหรบัใส่าด่ืม หรือบงั้ขา้วหลาม เป็นตน้ ส่วนาว่า บอ้ง หมายถึง ส่ิงของใด ๆ ก็ไดท้่ีมี ๒ ชิน้ มาสวม หรือประกอบเขา้กันไดส้่วนนอกเรียกว่า บอ้งส่วนในหรือส่ิงท่ีเอาไปสอดใส่จะเป็นสิ่งใดก็ได ้เช่น บอ้งมีด บอ้งขวาน บอ้งเสียม บอ้งวัว บอ้งควาย ดังนั้น าว่าบงั้ไฟ ในภาษาถ่ินอีสานจึงเรียกว่า บงั้ไฟ ซ่ึงหมายถึงดอกไมไ้ฟชนิดหนึ่ง มีหางยาวเอาดินประสิวมาค่วักับถ่านไมต้าใเ้ข้ากันจนละเอียดเรียกว่า หม่ือ(ดินปีน) และเอาหมื่อนนั้ใส่กระบอกไมไ้ผ่าใหแ้น่นเจาะรูตอนทา้ยของบงั้ไฟ เอาไผ่ท่อนอ่ืนมัดติดกับกระบอกใหใ้ส่หมื่อโดยรอบ เอาไมไ้ผ่ยาวาหนึ่งมามัดประกบต่อออกไปเป็นหางยาว าหรับใช้ถ่วงหัวให้สมดุลกัน เรียกว่าในทัศนะของผู้วิจัย บงั้ไฟ คือการาเอา ”บัง้ไฟ“กระบอกไมไ้ผ่เลาเหล็ก ท่อเอสลอน หรือเลาไมอ้ย่างใด อย่างหน่ึงมาตามอัตราส่วนท่ีช่างาหนดไวแ้ล้วประกอบท่อน (ดินปืน) บรรจุหมื่อหัวและท่อนหางเป็นรูปต่าง ๆ ตามที่ตอ้งการ เพื่อาไปจุดพุ่งขึน้สู่อากาศจะมีควันและเสียงดังบงั้ไฟมีหลายประเภทตามจุดมุ่งหมายของประโยชนใ์นการใชส้อย

ในทางศาสนาพราหมณ์การบูชาเทพเจ้าดว้ยไฟถือว่าเป็นการบูชาเทพเจ้าเบือ้งบนสวรรค ์ ดงันัน้การจุดบงั้ไฟเป็นการละเล่นอีกอย่างหน่ึงและเป็นการบูชาเทพเจา้ เพ่ือใหพ้ระองคบ์นัดาลในส่ิงท่ีตนตอ้งการ

ในทางศาสนาพุทธมีการฉลองและบูชาในวันวิสาขบูชากลางเดือนหก มีการาดอกไม้ไฟในแบบต่าง ๆ ทัง้ไฟามัน ไฟธูปเทียนและดินประสิว ในงานนีม้ีการรกัษาศีล การใหท้าน การบวชนาค การอดัทรงและนิมนตพ์ระเทศน ์

ลายบงั้ไฟ ใชล้ายศิลปไทย คือ ลายกนก อนัเป็นลายพืน้ฐานใน การแกะสลักลายบงั้ไฟ โดยช่างจะนิยมใชก้ระดาษดงัโกทองดา้นเป็นพืน้และสีเม็ดมะขามเป็นตวัสับลาย เพ่ือใหล้ายเด่นชัดในการตกแต่งเพ่ือให ้ ความสวยงาม

ตวับงั้ไฟมีลูกโอจ้ะใช้ลายประายาม ลายหน้าเทพพนม ลาย หนา้กาล ลูกเอใ้ชล้ายประา ยามกา้มปูเปลว และลายหนา้กระดานฯลฯ

กรวยเชิง: เป็นลวดลายไทยท่ีเขียนอยู่เชิงยาบท่ีประดับพริว้ลงมาจากชว่งตวับงั้ไฟ

ยาบ: เป็นผา้ประดบัใตเ้ลาบงั้ไฟ จะสบัลายใดขึน้อยู่กับช่างบงั้ไฟนนั้ เช่น ลายกา้นขูดลายกา้นดอกใบเทศ

พระนาง: เป็นรูปลกัษณส์่ือถึงผาแดงนางไอ ่หรือตวัละครในเรื่องรามเกียรติ ์พระลกัษณ ์พระรามเป็นตน้

กระรอกเผือก: ทา้วพงัคี แปลงรา่งมาเพ่ือใหน้างไอ่หลไหล

ปลอ้งคาด: ลายรกัรอ้ย ลายลูกพดัใบเทศ ลายลกูพดัขอสรอ้ย เป็นตน้

เกริน: เป็นส่วนที่ยื่นออกสองข้างของบุษบก เป็นรูปรอนเบ็ดลาย

กนก:าหรับตั้งฉัตรท้ายเกรินราชรถประดับส่วนท้ายของหางบั้งไฟ

บุษบก: เป็นองค์ประกอบไว้บนราชรถ เพื่อสมมุติให้เป็นปราสาทผาแดงนางไอ่

ต้างบั้งไฟ: ลายกระจังปฏิญาณ ลายก้านขด ลายพุ่มข้าวบิณฑ์

ลายประกอบตกแต่งอื่น ๆ ลายกระจังตั้ง กระจังรวน กระจังตาอ้อย ลายน่องสิงห์บัวร่วน กลีบขนุน

ประเภทของบั้งไฟ

บงั้ไฟโบดหรือโหวด เป็นบงั้ไฟขนาดเล็กตวักระบอกจะยาวขึน้ ประมาณ ๔- ๑๐ นิว้ บรรจหุม่ือหนกัประมาณ ๑ สว่น ๘ ถึง ๑ ส่วน๒กิโลกรมั ใชห้างยาวประมาณ ๑ ๔ เมตร มีกระบอกไมไ้ผ่เล็ก ๆ มดัวาง รอบตวับงั้ไฟนิยมาประกอบกันในบงั้ไฟใหญ่บงั้ไฟหม่ืน, บงั้ไฟแสน ปัจจบุนัไมค่อ่ยนิยมาเพราะไม่มีชา่ง

บัง้ไฟม้า บั้งไฟชนิดนีเ้ป็นบั้งไฟขนาดเล็กจุดไปตามทิศทางท่ีาหนดใชเ้สน้ลวดเป็นวิถีตรงึไปยงัเป้าหมายท่ีตอ้งการ ลกัษณะท่วัไปเป็นบั้งไฟที่าจากกระบอกไม้ไผ่ ๑ ปล้อง ขนาดแล้วแต่ต้องการ โดยท่ัวไปเสน้ผ่าศูนยก์ลางประมาณ ๒ นิว้ ยาวประมาณ ๑ ฟุตทางภาคกลางและภาคอีสานเรียกว่า “ลูกหนูคลา้ยมา้ที่าลงัว่ิงถา้ติดรูป” อะไรก็เรียกช่ือไปตามนั้น เป็นคนข่ีม้า รูปวัวแล้วแต่จะารูปอะไรบางครงั้ภาคเหนือเรียกว่า บอกไฟยิง

บัง้ไฟชา้ง บงั้ไฟชนิดนีไ้ม่มีหาง มีช่ืออีกอย่างหน่ึงว่า กระโพกหรือตะโพก เวลาจุดไม่ต้องการให้พุ่งขึน้ไปแต่ต้องการมีเสียงร้องคลา้ยกับช้างรอ้ง วิธีาบงั้ไฟให้ใชก้ระบอกไมไ้ผ่ท่ีมีขนาดใหญ่ที่สุดยาวเพียงป้องเดียวให้มีข้อปิดทั้ง ๒ ด้าน ทุบไม้ไผ่ให้แตกเล็กน้อย เจาะรู เพื่อบรรจหุม่ือแลว้ต่อชนวนเขา้รูแทง่หม่ือาจากหมื่อถ่าน๓- ๔อดัลงในไมไ้ผ่ขนาดเล็กใหแ้น่น แลว้ผ่าเอาแท่งหมื่อออกมาคลา้ยขา้วหลาม ใหไ้ดแ้ท่งประมาณ ๓ นิว้ การจุดนัน้นิยมต่อพ่วงชนวนบั้งไฟใหญ่ เวลาจดุชนวนผ่าจะเกิดเสียงดงัเหมือนเสียงชา้งรอ้ง นิยมวางต่อกัน เป็นช่วง ๆ กระบอก ถ้าต้องการจะให้มีเสียงดังอย่างไรก็จะมีเทคนิคในการาใหเ้กิดเสียงนนั้ ๆ

บัง้ไฟแสน บงั้ไฟชนิดนีเ้ป็นบงั้ไฟขนาดใหญ่ที่สุด บรรจุดินปืนหนัก ๑๒๐ กิโลกรัมขึน้ไป บัง้ไฟขนาดนี้ายากที่สุดจะต้องอาศัยความานาญเป็นพิเศษ เพราะบั้งไฟขนาดนีห้ากแตกแล้วจะเป็นอนัตรายมาก เพราะฉะนนั้ก่อนาบงั้ไฟจะตอ้งมีพิธีกรรมบวงสรวงให้ถูกตอ้งตามหลักการาบงั้ไฟแสนเสียก่อนจึงจะลงมือา เม่ือตกแต่งบงั้ไฟเสร็จเรียบรอ้ยแลว้จะมีการตกแตง่ประดบัประดาบงั้ไฟ

บัง้ไฟตะไล บัง้ไฟชนิดนีก้็คือบั้งไฟจินายขนาดใหญ่น่ันเอง มีความยาวประมาณ ๙- ๑๒ นิว้ รูปร่างกลม มีไม้บาง ๆ แบน ๆ เป็นวงกลมครอบหวัทา้ยบงั้ไฟเม่ือพ่งุขึน้สฟู่้าไปโดยทางขวาง

บงั้ไฟตือ้หรือบงั้ไฟกระแตน่งัตอ เป็นบงั้ไฟขนาดเล็กมีหางสนั้ วิธีา ตดักระบอกไมไ้ผ่ขนาด ๑ นิว้คร่งึยาวประมาณ ๓ นิว้ อัดหม่ือให้แน่นประมาณ ๒ นิว้ ใชห้ม่ือถ่านสามหรือถ่านสี่อัดด้วยเถียดไม้ให้แน่นต่อหาง ซึ่งาจากไม้ไผ่ เหลาเป็นแท่งเล็ก ๆ ใช้เลื่อยตัดมุมข้อออกจนเห็นหมื่อ เจาะใหเ้ป็นรูเล็ก ๆ แลว้ตดิชนวนเวลา จะจุดเอาหางเสียบลงในแท่นท่ีตงั้พอใหต้งั้ได ้จดุชนวนจากดา้นบน บงั้ไฟจะพ่งุและหมนุขนึ้ส่อูากาศเกิดเสียงดงัตือ ๆ เวลาหมุนจะไม่คอ่ยมีทิศทาง ใชจ้ดุในงานศพ เวลาจดุมีอนัตรายมากไมค่อ่ยนิยมากัน

บัง้ไฟพลุ เป็นบัง้ไฟท่ีนิยมจุดในเทศกาลต่าง ๆ เช่น งานกฐิน งานบญุมหาชาติหรือ งานเปิดกีฬา ฯลฯ เป็นบงั้ไฟท่ีจดุแลว้าให้เกิดเสียงดงั ในอดีตนิยมจุดในงานกฐิน เพื่อเป็นการบอกข่าวไปยังพี่น้องประชาชนท่วัไปใหท้ราบ

รูปแบบงานบุญบั้งไฟ

ประเพณีบุญบั้งไฟ แบ่งงานออกเป็นงานใหญ่ ๆสองงานด้วยกันคือวันแรก เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ๑๐.๐๐น.เป็นขบวนแห่บั้งไฟสวยงามไปตามถนนสายหลักใจกลางเมืองชาวบ้านจากคุ้มต่าง ๆ จะาบั้งไฟขึ้นขบวนรถที่ตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามเป็นลวดลายไทยงามวิจิตร าแห่แหนด้วยขบวนาประกอบดนตรีพื้นเมืองบนขบวนรถบางทีจะเป็นธิดาบั้งไฟโก้เทพบุตรเทพธิดาตัวน้อย ๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องราวาลองจากนิยายพื้นบ้านปรัมปรา เช่นเรื่องท้าวผาแดง นางไอ่เป็นต้น นอกจากนี้ที่จะขาดไม่ได้ก็คือ ขบวนรีวิวประเภทเนื้อหาสาระและตลกขบขันต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้ชาวเมืองที่ต่างอายุกันได้มีโอกาสเข้าร่วมงานอย่างเสมอหน้าและมาประกวดประชันกันอย่างสนุกสนานส่วนวันที่สองเริ่มแต่เช้าที่สวนพญาแถนเป็นการประกวดการจุดบั้งไฟ มีการประกวดบั้งไฟขึ้นสูงและบั้งไฟแฟนซีต่าง ๆ ในขณะที่ชาวบ้านชาวคุ้มต่าง ๆก็จะยกขบวนออกร้องาเพลงกันตลอดทั้งวันอย่างสนุกสนาน

จุดเด่นของพิธีกรรม(www.xing528.com)

จุดเด่นของการชมประเพณีบุญบั้งไฟอยู่ที่ช่วงเช้าของวันแรกคือ วันแห่บั้งไฟสวยงามสามารถชมได้ ที่ปะาพิธีถนนใจกลางเมืองและช่วงเช้าวันที่สองคือ การจุดบั้งไฟขึ้นสูงที่สวนสาธารณะพญาแถน

านาน

ประเพณีบุญบั้งไฟตามานานเล่าว่า เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าถือชาติาเนิดเป็นพญาคางคกได้อาศัยอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ในเมืองพันทุมวดีด้วยเหตุใดไม่แจ้งพญาแถนเทพเจ้าแห่งฝนโกรธเคืองโลกมนุษย์มากจึงแกล้งไม่ให้ฝนตกนานถึง๗เดือน าให้เกิดความาบากยากแค้นอย่างแสนสาหัสแก่มวลมนุษย์ สัตว์และพืช จนกระทั่งพากันล้มตายเป็นานวนมาก พวกที่แข็งแรงก็รอดตายและได้พากันมารวมกลุ่มใต้ต้นโพธิ์ใหญ่กับพญาคางคก สรรพสัตว์ทั้งหลายจึงได้หารือกันเพื่อจะหาวิธีการปราบพญาแถนที่ประชุมได้ตกลงกันให้พญานาคียกทัพไปรบกับพญาแถนแต่ก็ต้องพ่ายแพ้จากนั้นจึงให้พญาต่อแตนยกทัพไปปราบแต่ก็ต้องพ่ายแพ้อีกเช่นกัน าให้พวกสรรพสัตว์ทั้งหลายเกิดความท้อถอย หมดาลังใจและสิ้นหวังได้แต่รอวันตาย ในที่สุดพญาคางคกจึงขออาสาที่จะไปรบกับพญาแถน จึงได้วางแผนในการรบโดยให้ปลวกทั้งหลายก่อจอมปลวกขึ้นไปจนถึงเมืองพญาแถน เพื่อเป็นเส้นทางให้บรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายได้เดินทางไปสู่เมืองพญาแถนซึ่งมีมอด แมลงป่อง ตะขาบ

ภาพที่ ๒ ขบวนแห่งานบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร

าหรับมอดได้รับหน้าที่ให้าการกัดเจาะด้ามอาวุธที่าด้วยไม้ทกุชนิดสว่นแมลงป่องและตะขาบใหซ้่อนตวัอยู่ตามกองฟืนท่ีใชห้งุตม้อาหารและอยู่ตามเสื้อผ้าของไพร่พลพญาแถนาหน้าที่กัดต่อย หลงัจากวางแผนเรียบรอ้ย กองทัพพญาคางคกก็เดินทางเพ่ือปฏิบัติหนา้ท่ีการรบ มอดาหนา้ที่กัดเจาะดา้มอาวุธ แมลงป่องและตะขาบกัดต่อยไพร่พลของพญาแถนจนเจ็บปวด ร้องระงมจนกองทัพระส่าระสาย ในที่สดุพญาแถนจึงไดย้อมแพแ้ละตกลงาสัญญาสงบศกึกบัพญาคางคก ดงันี ้

๑.ถา้มวลมนษุยจ์ุดบงั้ไฟขึน้สู่ท้องฟ้าเม่ือใด ใหพ้ญาแถนส่งัให้ฝนตกในโลกมนุษย ์

๒.ถา้ไดย้ินเสียงกบ เขียดรอ้ง ใหร้บัรูว้่าฝนไดต้กลงมาแลว้

๓.ถา้ไดย้ินเสียงสนูหรือเสียงโหวดให ้(เสียงธนูหวายของว่าว)ฝนหยุดตกเพราะจะเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวหลังจากท่ีได้สัญญากันแลว้ พญาแถนจึงไดถู้กปล่อยตัวไปและได้ปฏิบัติตามสัญญามาจนบดันี ้

เอกสารอ้างอิง

มหาวิทยาลัย อุบลราชธานี )๒๕๕๓(.บั้งไฟอีสาน.สืบค้น ๒๐มิถุนายน ๒๕๖๓,จากhttp://www.esanpedia.oar.ubu.ac.th/ubuart-culture/wp-content/uploads/2016/05/ isan-rocket-format.pdf

词汇

แถน天神、天空

โปรดปราน宠爱、喜爱

ภักดี效忠、忠诚

พญา大王、神

ปรัมปรา (ปะ-า-ปะ-รา)传说、古代流传下来的典故

บั้งข้าวหลาม竹筒糯米饭

กระบอก竹筒、竹管、筒状物、柱面、花瓣

บ้อง竹筒、抽大麻的烟筒

ประสิว显婆、吉利、舒服、繁荣、进步

ถ่วง下坠、下落

ไผ่ท่อน节、段、棒

กนก黄金、金、荆棘

ลับ磨平

ปลวก白蚁

นาคี龙王

มอด象鼻虫、白蚁

เขียด浮蛙

โหวด汽笛

ระงม熏、炎热、闷热,唧唧叫(动)

ระ่าระสาย溃败、溃不成军,动荡、动

免责声明:以上内容源自网络,版权归原作者所有,如有侵犯您的原创版权请告知,我们将尽快删除相关内容。

我要反馈